....ก่อนจะรู้จักกับ "อาหารเพื่อสุขภาพ" ก่อนอื่นเรามารู้จักกับคำว่า "อาหาร" กันก่อนดีกว่า....
อาหาร
ความหมายของอาหาร
อาหาร หมายถึง สิ่งที่เรารับประทานเข้าไปแล้วทำให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่างๆ ไม่ทำให้เกิดโทษ เช่น เนื้อสัตว์ ข้าว แป้ง ผัก ผลไม้ นม ฯลฯ ยกเว้นยารักษาโรค
อาหารที่เรารับประทาน ได้แก่ เนื้อสัตว์ ข้าว แป้ง ผัก ผลไม้้ และไขมัน
ความสำคัญของอาหาร
อาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นต่อชีวิต ที่ช่วยทำให้ร่างกายเจริญเติบโต แข็งแรง สมบูรณ์ สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆได้
ประโยชน์ของอาหาร
อาหารที่เรารับประทานเข้าไป เมื่อร่างกายย่อยแล้วจะให้ประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้
1. ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ สมอง กระดูก ผิวหนัง เป็นต้น
2. ให้พลังงานและความอบอุ่นต่อร่างกายในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเดิน การเล่นกีฬา
2. ให้พลังงานและความอบอุ่นต่อร่างกายในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเดิน การเล่นกีฬา
การทำงานบ้าน การใช้ความคิด
3. ช่วยซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่สึกหรอ
4. สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายในการต้านทานโรคต่างๆ ทำให้คนเราไม่เจ็บป่วยง่ายๆ
3. ช่วยซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่สึกหรอ
4. สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายในการต้านทานโรคต่างๆ ทำให้คนเราไม่เจ็บป่วยง่ายๆ
ช่วยทำให้การทำงานของอวัยวะภายในร่างกายทำงานเป็นปกติ
ประโยชน์ของอาหารสุขภาพ
ในยุคของการแข่งขัน ที่เรากำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน ชีวิตมีความรีบเร่งมากขึ้น จนไม่ค่อยมีเวลาที่จะให้ความสำคัญกับเรื่อง ความสมดุลของอาหารที่รับประทานรวมทั้งค่านิยมการรับประทานอาหารแบบตะวันตก ซึ่งประกอบด้วย เนื้อสัตว์ ไขมัน นม เนย เป็นส่วนใหญ่ ทำให้คนไทยมีโรค ซึ่งเกิดจากการกินดีเกินไป เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคอัมพาต ซึ่งโรคเหล่านี้ล้วนเกี่ยวกับความเสื่อมของหลอดเลือด
ในปัจจุบันชาวตะวันตกเริ่มตระหนักถึงพิษภัยของการกินอาหาร ซึ่งไม่สมดุลได้มีการชักชวนให้ลดการรับประทาน เนื้อสัตว์ นม เนย ให้เพิ่มการรับประทาน พืช ผัก และธัญพืช ซึ่งอุดมด้วยเส้นใยจากธรรมชาติ และวิตามิน
ในวัยเด็ก เนื้อสัตว์และนม ยังเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากร่างกายมีการเจริญเติบโตในวัยผู้ใหญ่ร่างกายต้องการโปรตีนลดลง การรับประทานเนื้อสัตว์ และนมมากเกินไปยังทำให้ร่างกายได้รับไขมันเพิ่ม เนื่องจากในเนื้อสัตว์และนมจะมีปริมาณไขมันค่อนข้างสูง นอกจากนั้นยังพบว่า ผู้ที่รับประทานเนื้อสัตว์มาก ๆ มีโอกาสเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้สงูควรเปลี่ยนแปลงมารับประทานโปรตีนจากพืชพวกถั่วแทน
อาหารอีกกลุ่มซึ่งไม่ควรรับประทานมากเกินไป คือ น้ำตาล พบว่าน้ำตาลทำให้หลอดเลือดมีความเสื่อมเร็วขึ้น ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีน้ำตาลสูงจะพบว่าหลอดเลือดแก่ก่อนวัย ไขมันก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ควรจำกัด และใช้น้ำมันจากพืชแทน น้ำมันจากสัตว์ ยกเว้นน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์มควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากมีโคเรสเตอรอลสูง
อาหารที่ควรรับประทานคือ ผัก ผลไม้ ธัญพืช เช่น ข้าวซ้อมมือ ถั่ว เพราะอุดมไปด้วย กากใยธรรมชาติ วิตามิน และเกลือแร่
สุขภาพของเราขึ้นกับกรรมพันธุ์
การออกกำลังกายและอาหาร เราควรเริ่มเอาใจใส่กับอาหารที่รับประทานเสียแต่วันนี้
รอให้เกิดโรคก่อนอาจไม่ทันการ
Functional Food หรืออาหารเพื่อสุขภาพ
หมายถึง อาหารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย นอกเหนือจากสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อร่างกาย
นอกจากนี้อาจช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคต่างๆ
ปัจจุบันอาหารเพื่อสุขภาพ
ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย ทั้งในด้านการวิจัยและเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นมูลค่ามาก
ทั้งนี้เนื่องจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับอาหารและสุขภาพมากขึ้นจึงทำให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ
เช่น การเสริมวิตามิน,เส้นใยและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย
อาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต
ดังนั้นเราต้องใส่ใจในเรื่องการรับประทานอาหารมากเป็นพิเศษ การรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะจะช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
และจะส่งผลให้มีสุขภาพจิตที่ดีด้วย
ประโยชน์ของอาหารสุขภาพ
อาหารสุขภาพ ช่วยดำรงส่งเสริมสุขภาพและลดความเสี่ยงของการเกิดโรค สามารถรับ ประทานได้ในคนปกติ รวมทั้งคนป่วย เพราะอาจลดความเสี่ยงในโรคที่อาจจะเกิดร่วมขึ้น หรือป้องกันโรคแทรกซ้อนที่จะตามมาหรือทำให้สุขภาพดีขึ้น ได้ประโยชน์มากขึ้นกว่าผู้ที่ ไม่ได้รับประทานอาหารสุขภาพทุก ชนิดของกิฟฟารีนมีงานวิจัยถึงคุณประโยชน์อย่างชัดเจน และสามารถแนะนำได้ในหลายโรคด้วยกัน เช่น
- เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค
- เพิ่มศักยภาพให้ระบบต่อต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant)
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจเเละหลอดเลือด
- ลดความเสี่ยงต่อโรคลมปัจจุบัน
- ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
- ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อต่ออักเสบ ความเสื่อมเฉพาะจุด เเละโรคต้อกระจก
- ลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ พากินสัน โรคหืดหอบ โรคปอด เเละโรคที่เกิดจากความเสื่อมชนิดเรื้อรังอื่นๆ
- พัฒนาการรักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมเรื้อรังอย่างมีประสิทธิภาพ
9 วิธีกินดีเพื่อสุขภาพ
วิธีที่ 1:กินอาหารครบ 5 หมู่-หมั่นดูแลน้ำหนักตัว
กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว ข้อแนะนำนี้เป็นข้อแนะนำหลัก ยึดอาหารหลัก 5 หมู่ และเพิ่มความสำคัญของการกินอาหารแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด น้ำหนักตัวเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างง่ายถึงภาวะสุขภาพ ในผู้ใหญ่ที่กินอาหารได้เหมาะสม จะมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม มีรูปร่างที่ไม่อ้วนหรือผอมเกินไปและมีน้ำหนักตัวค่อนข้างคงที่ หากสังเกตเห็นว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากน้ำหนักปกติ แสดงให้เห็นว่าเริ่มกินอาหารมากเกินไปแล้ว ควรจะต้องหันมาควบคุมลดปริมาณให้น้อยลง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เสื้อผ้าคับก่อนที่เริ่มรู้สึกตัวเพราะเสื้อผ้าสมัยใหม่มักนิยมใช้สายยืดเพื่อให้สวมใส่สบายหรือหากพบว่า น้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ ก็ควรต้องให้ความสนใจพร้อมทั้งสังเกตว่ามีการอ่อนเพลีย ง่วง ซึม หรืออาการที่แตกต่างไปจากปกติเกิดขึ้นด้วยหรือไม่ ถ้ามีอาการมากควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ สำหรับเด็ก ร่างกายมีการเจริญเติบโต น้ำหนักตัวควรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราที่เหมาะสม ดังนั้น ควรหมั่นชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง
วิธีที่ 2 :กินข้าวเป็นอาหารหลัก-สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ
กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ เพื่อเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของคนไทย จึงให้ความสำคัญกับการกินข้าวเป็นอาหารหลัก ถ้าเป็นไปได้ ควรกินข้าวซ้อมมือ เพราะมีวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีนและใยอาหารมากกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาว ส่วนอาหารแป้ง เช่น ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ให้กินเป็นบางมื้อ อาหารแป้งเป็นอาหารที่ผ่าน-การแปรรูป ใยอาหารจะมีน้อยกว่าในข้าว
วิธีที่ 3 :กินพืชผักให้มาก-กินผลไม้เป็นประจำ
กินพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ อาหารหลัก 5 หมู่ ของไทยมีเอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การจัดแยกพืชผัก และผลไม้เป็นอาหารหลักคนละหมู่ เนื่องจากประเทศไทยมีพืชผักและผลไม้อุดมสมบูรณ์ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกบริโภคได้ตลอดปี พืชผักและผลไม้ให้สารอาหารที่สำคัญหลายชนิด คือ วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร และให้สารอื่นที่มิใช่สารอาหาร เช่นสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสดใส ไม่แก่เกินวัย นอกจากนี้ยังให้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรที่ช่วยรักษาสุขภาพ
วิธีที่ 4 : กินปลา-เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน-ไข่-ถั่วเมล็ดแห้ง
กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ เป็นการกินอาหารที่ให้โปรตีน โดยเน้นปลาและอาหารประเภทถั่วเมล็ดแห้ง เช่น เต้าหู้ชนิดต่างๆ สำหรับเนื้อสัตว์ให้เลือกที่ไม่ติดมัน หรือที่มีมันน้อย ไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ ควรกินเป็นประจำ เด็กควรกินวันละฟอง ผู้ใหญ่ภาวะปกติควรกินวันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง ส่วนคนที่มีปัญหาภาวะโคเลสเตอรอลสูงในเลือดควรลดปริมาณลง
วิธีที่ 5 : ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย
บางคนอาจมองเห็นว่าน้ำนมเป็นอาหารของต่างชาติ ไม่ควรส่งเสริมการบริโภค น่าจะให้คนไทยไปบริโภคอาหารอย่างอื่นจะดีกว่า อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาโดยรวม จะเห็นได้ว่าน้ำนมเป็นอาหารที่มีประโยชน์สมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารของโปรตีน แคลเซียม วิตามินบี 2 และแร่ธาตุต่างๆ นอกจากนี้น้ำนมเป็นอาหารที่กินง่าย ราคาไม่แพงเกินไป มีหลายชนิดหาได้ทั่วไป จีงเป็นการสะดวกที่จะใช้เป็นอาหารสำหรับคนทุกวัย ในกรณีที่ห่วงว่าคื่มนมมากๆ อาจทำให้อ้วน ผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มนมพร่องไขมันได้ และในเวลาเดียวกันควรควบคุมปริมาณไขมันในอาหารชนิดอื่นด้วย เพราะเพียงไขมันจากน้ำนมอย่างเดียวไม่น่าที่จะทำให้เกิดโรคอ้วน ปริมาณที่แนะนำคือ เด็กควรดื่มวันละ 1-2 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรดื่มวันละ 1 แก้ว
วิธีที่ 6 : กินอาหารที่มีไขมันแต่พอตัว
ถึงแม้ไขมันจะเกี่ยวข้องกับปัญหาโภชนาการ เช่น โรคอ้วน ภาวะไขมันในเลือดสูงที่นำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือดได้ แต่ร่างกายต้องการไขมันเพื่อสุขภาพด้วยเช่นกัน เพียงแต่จะต้องควบคุมปริมาณและชนิดของไขมันที่จะบริโภคให้เหมาะสม ลดอาหารที่มีไขมันมาก เช่น หมูสามชั้น ขาหมูพะโล้และอาหารที่ใช้น้ำมันหรือกะทิจำนวนมากในการประกอบอาหาร
วิธีที่ 7 :หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัด-เค็มจัด
ส่วนประกอบสำคัญของอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด ได้แก่ น้ำตาล และเกลือแกง ซึ่งส่วนประกอบทั้ง 2 ชนิดเมื่อบริโภคมากเกินไป พบว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง วิธีปฏิบัตินอกจากการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัดแล้ว ผู้บริโภคควรพยายามรับประทานอาหารที่มีรสธรรมดา ไม่ควรที่จะต้องเติมน้ำตาลหรือเกลือเพิ่มเติมในอาหารที่ปรุงแล้ว หรือหันมากินอาหารแบบไทยเดิม ที่มีกับข้าวหลายชนิดเพื่อให้เกิดรสชาติที่หลากหลาย
วิธีที่ 8 : กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน
การกินอาหารที่สะอาดนับเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยลดอันตรายจากสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ซึ่งอาจเป็นเชื้อโรค พยาธิ สารพิษ สิ่งแปลกปลอมต่างๆ ผู้บริโภคควรเลือกซื้ออาหารจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ มีการผลิตที่ถูกต้อง มีการเก็บรักษาที่เหมาะสม อาหารสำเร็จรูปควรบรรจุในภาชนะที่เหมาะสม สะอาด มีฉลากที่ถูกต้อง บอกวันหมดอายุ ส่วนประกอบ ชื่ออาหาร สถานที่ผลิต นอกจากนี้ผู้บริโภคควรมีสุขนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหาร เช่น การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร การใช้ช้อนกลางหรือใช้อุปกรณ์หยิบจับอาหารมากกว่าการใช้มือ
วิธีที่ 9 :งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
เมื่อดื่มมาก จะมีผลทำให้การทำงานของระบบสมองและประสาทช้าลง ทำให้เกิดการขาดสติได้ง่าย ที่จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ เสียทรัพย์ เสียสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคตับแข็งและการขาดสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด ดังนั้นควรลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
5 ชนิดอาหาร เพื่อผิวสวย
ส้ม Orange
ประโยชน์ “ส้ม” อุดมไปด้วยวิตามิน C ซึ่งช่วยป้องกันผิวพรรณจากการถูกทำลายของรังสีอัลตราไวโอเลต(Ultraviolet Rays) และสรรพคุณสุดเจ๋งของเจ้าวิตามิน C ก็คือ ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว เต่งตึง ยืดหยุ่น ไม่แห้งหยาบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแสงแดด
ควรกิน เพื่อผิวสวยเด้ง ร่างกายจำเป็นวิตามิน C ปริมาณ 200 มิลลิกรัมต่อวันค่ะ หรือกินส้มวันละ 1 ผล ก็เพียงพอแล้ว ง่ายมากเลยใช่ไหมคะ
ทว่าต้องเป็นส้มบริสุทธิ์สดๆ ไม่ใช่น้ำส้ม ซึ่งมักมีเกลือมีน้ำเชื่อมเจือปน วิตามินหายหมด ได้หวานเค็มสร้างโรคอื่นเข้ามาแทน และกรุณาเลิกการเป็นนางสิงห์อมควันซะ เพราะบุหรี่เป็นตัวร้าย ลดสมรรถภาพการดูดซึมวิตามิน C เข้าไปในร่างกาย
มะละกอ papaya
ประโยชน์ ผลไม้แคลอรี่ต่ำ ขายตรึมทุกฤดูกาล “มะละกอ” มีตัวเด็ด แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งแตกตัวเป็นวิตามิน A
ความที่วิตามิน A เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากสามารถป้องกันมะเร็งแล้ว ยังช่วยปกป้องรักษาผิวพรรณให้ชุ่มชื่น แลดูอ่อนเยาว์ด้วย
ควรกิน ปริมาณ 200 กรัม หรือประมาณชามก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ก็โอเคแล้วค่ะ
แต่ขอบอก คุณค่าสารอาหารวิตามิน A เข้มข้นอยู่ตรงส่วนเนื้อเหลืองๆ ที่เมล็ดมะละกอฝังอยู่ ดังนั้นอย่าขูดฝานทิ้งนะ เอาซ้อมเขี่ยเมล็ดออก และกินไปเลย สวยเป๊ะล้วนๆ
ความที่วิตามิน A เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากสามารถป้องกันมะเร็งแล้ว ยังช่วยปกป้องรักษาผิวพรรณให้ชุ่มชื่น แลดูอ่อนเยาว์ด้วย
ควรกิน ปริมาณ 200 กรัม หรือประมาณชามก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ก็โอเคแล้วค่ะ
แต่ขอบอก คุณค่าสารอาหารวิตามิน A เข้มข้นอยู่ตรงส่วนเนื้อเหลืองๆ ที่เมล็ดมะละกอฝังอยู่ ดังนั้นอย่าขูดฝานทิ้งนะ เอาซ้อมเขี่ยเมล็ดออก และกินไปเลย สวยเป๊ะล้วนๆ
ธัญพืช whole grains
ประโยชน์ “ธัญพืช” ประเภทผ่านกระบวนการขัดสีน้อย มีเส้นใยอาหารสูง เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวสาลี, ข้าวโพด, ข้าวโอ๊ต, ถั่วเมล็ดแห้ง, ลูกเดือย, งา, รวมถึงอาหารจำพวกขนมปังโฮลวีต, ซีเรียล, คุกกี้ธัญพืช ฯลฯ ล้วนหนาแน่นไปด้วยกลุ่มวิตามิน B
สำหรับสาวผิวปกติ อย่านึกนะคะว่าผิวของคุณไม่มันหรือแห้งเกินนั้นสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ไม่ต้องบำรุงปกป้องก็ได้ ตรงกันข้ามค่ะ คุณต้องหมั่นกินวิตามิน B รวม เพราะเจ้าวิตามินกลุ่มนี้จะช่วยเสริมสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่า และดูแลรักษาความแข็งแรงให้แก่ผิวสวยๆ ของคุณ ไม่ให้ติดเชื้อได้ง่ายๆ อย่างแผลร้อนในบริเวณลิ้น เหงือก และมุมปาก
ไนอะซิน (Niacin) ในธัญพืช จะช่วงให้เซลล์ผิวหนังดูดซึมสารอาหารจากเลือด และผันเป็นพลังงานออกมา ช่วยให้ผิวไม่แห้งแตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือเท้าไม่หยาบกร้าน
ควรกิน แน่นอน เลือกข้าวแบบไม่ขัดสี หรือข้าวกล้อง มากินเป็นหลักแทนข้าวขาว หลายคนติดที่ ‘แข็ง’ ‘สาก’ ไปหน่อย ก็นำเอาข้าวกล้องแช่น้ำสักพักก่อนหุง ก็นิ่ม เคี้ยวเบาฟันแล้วค่ะ
ครั้นกินพาสต้า ขนมปังแผ่น ขนมปังกรอบ คุ้กกี้ ก็เลือกซื้อกินที่เคลมว่า มาจากธัญพืช สมัยนี้แม้แต่เส้นหมี่เส้นเล็กอบแห้ง ก็มีชนิดที่ทำมาจากข้าวกล้องธัญพืชให้เลือก
อยากผิวสวยสุขภาพแข็งแรง ต้องรู้จักเลือกกินของดีมีประโยชน์ค่ะ
สำหรับสาวผิวปกติ อย่านึกนะคะว่าผิวของคุณไม่มันหรือแห้งเกินนั้นสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ไม่ต้องบำรุงปกป้องก็ได้ ตรงกันข้ามค่ะ คุณต้องหมั่นกินวิตามิน B รวม เพราะเจ้าวิตามินกลุ่มนี้จะช่วยเสริมสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่า และดูแลรักษาความแข็งแรงให้แก่ผิวสวยๆ ของคุณ ไม่ให้ติดเชื้อได้ง่ายๆ อย่างแผลร้อนในบริเวณลิ้น เหงือก และมุมปาก
ไนอะซิน (Niacin) ในธัญพืช จะช่วงให้เซลล์ผิวหนังดูดซึมสารอาหารจากเลือด และผันเป็นพลังงานออกมา ช่วยให้ผิวไม่แห้งแตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือเท้าไม่หยาบกร้าน
ควรกิน แน่นอน เลือกข้าวแบบไม่ขัดสี หรือข้าวกล้อง มากินเป็นหลักแทนข้าวขาว หลายคนติดที่ ‘แข็ง’ ‘สาก’ ไปหน่อย ก็นำเอาข้าวกล้องแช่น้ำสักพักก่อนหุง ก็นิ่ม เคี้ยวเบาฟันแล้วค่ะ
ครั้นกินพาสต้า ขนมปังแผ่น ขนมปังกรอบ คุ้กกี้ ก็เลือกซื้อกินที่เคลมว่า มาจากธัญพืช สมัยนี้แม้แต่เส้นหมี่เส้นเล็กอบแห้ง ก็มีชนิดที่ทำมาจากข้าวกล้องธัญพืชให้เลือก
อยากผิวสวยสุขภาพแข็งแรง ต้องรู้จักเลือกกินของดีมีประโยชน์ค่ะ
เมล็ดทานตะวัน Sunflower seed
ประโยชน์ “เมล็ดดอกทานตะวัน” มีกรดไขมันที่จำเป็น ช่วยให้น้ำมันธรรมชาติภายในผิวหนังออกมาหล่อลื่น ปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ รักษาความอ่อนนุ่มให้แก่ผิว และทำให้ผมหนาขึ้น แต่สิวเสี้ยนสิวหัวดำลดลง
ควรกิน สัปดาห์ละประมาณ 3-4 ช้อนชาก็เพียงพอแล้วค่ะ คุณอาจแบ่งกินสัก 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยใช้ช้อนชาตักกินครั้งละ 2-3 ช้อนชา หรือนำมาโรยใส่สลัด ยำ ข้าวอบ ใช้คลุกเนื้อสัตว์แทนเกล็ดขนมปัง หรือทำขนมหวานก็ได้ หรือเลือกซื้อน้ำมันเมล็ดทานตะวันมาไว้คู่ครัว ใช้ผัดอาหารต่างๆ ก็เป็นไอเดียไม่เลว กินไม่รู้เบื่อเพื่อผิวสวย
ควรกิน สัปดาห์ละประมาณ 3-4 ช้อนชาก็เพียงพอแล้วค่ะ คุณอาจแบ่งกินสัก 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยใช้ช้อนชาตักกินครั้งละ 2-3 ช้อนชา หรือนำมาโรยใส่สลัด ยำ ข้าวอบ ใช้คลุกเนื้อสัตว์แทนเกล็ดขนมปัง หรือทำขนมหวานก็ได้ หรือเลือกซื้อน้ำมันเมล็ดทานตะวันมาไว้คู่ครัว ใช้ผัดอาหารต่างๆ ก็เป็นไอเดียไม่เลว กินไม่รู้เบื่อเพื่อผิวสวย
ชาเขียว green tea
ประโยชน์ ใน “ชาเขียว” มีฟลาโวนอยด์ (Flavinoids) และสารต้านอนุมูลอิสระ คอยต่อสู้กับรังสีอัลตราไวโอเลต สารเคมีจากสภาพแวดล้อม ซึ่งช่วยให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์
ควรกิน ไม่ว่าคุณจะเลือกจิบชาเขียวในรูปแบบถุงชา หรือเป็นใบๆ ขอให้แช่ในน้ำร้อนเดือด เป็นเวลาอย่างน้อย 3 นาที คุณประโยชน์สารอาหารถึงสกัดออกมาสมบูรณ์
เตือน! ห้ามใส่นม เพราะเท่ากับลบล้างสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้คุณไม่อาจได้รับคุณค่าจากชาเขียวอย่างเต็มที่
ยิ่งอากาศบ้านเราตอนนี้ค่อนไปทางแห้ง จิบชาเขียวยังช่วยให้ชุ่มคอ แก้กระหายได้ดีนัก ที่สำคัญชะลอความแก่ด้วยนะคะ
ควรกิน ไม่ว่าคุณจะเลือกจิบชาเขียวในรูปแบบถุงชา หรือเป็นใบๆ ขอให้แช่ในน้ำร้อนเดือด เป็นเวลาอย่างน้อย 3 นาที คุณประโยชน์สารอาหารถึงสกัดออกมาสมบูรณ์
เตือน! ห้ามใส่นม เพราะเท่ากับลบล้างสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้คุณไม่อาจได้รับคุณค่าจากชาเขียวอย่างเต็มที่
ยิ่งอากาศบ้านเราตอนนี้ค่อนไปทางแห้ง จิบชาเขียวยังช่วยให้ชุ่มคอ แก้กระหายได้ดีนัก ที่สำคัญชะลอความแก่ด้วยนะคะ
กินผลไม้พื้นบ้านต้านโรค
ฝรั่ง western ผลไม้พื้นบ้านราคาถูก และออกผลตลอดปี ทุกสายพันธุ์ล้วนเป็นสุดยอดผลไม้ที่มีวิตามินซี ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูงมาก ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคมากขึ้น จึงสามารถป้องกันการเป็นไข้หวัดได้ หรือช่วยสร้างรวมทั้งป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันที่เราเคยท่องจำกันในสมัยเด็ก ๆ ได้อีกด้วย
มะเฟือง star apple นอกเหนือจากความสวยงามแปลกตาในเรื่องรูปทรงแล้วยังให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างเต็มเปี่ยม มะเฟืองอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ฟอสฟอรัสและแคลเซียม ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบายแก้ท้องผูกช่วยขับเสมหะได้
ทับทิม ruby ผลไม้รสหวานอมเปรี้ยว ออกฤทธิ์เป็นยาบำรุงกำลัง แก้เจ็บคอ แก้โลหิตจาง ห้ามเลือด รักษาแผล แก้อาการปวดกระเพาะอาหาร ขับพยาธิในลำไส้ แก้ท้องร่วง นอกจากนี้ หากดื่มน้ำทับทิมตอนเช้าวันละ 1 แก้วจะช่วยลดอาการคลื่นไส้ ในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้
มะละกอ papaya ผลไม้สุดร่อยที่มีประโยชน์ใช้สอยอีกมากมาย เนื้อมะละกออุดมไปด้วยวิตามินซี มีเบต้าแคโรทีน ไลโคพีน รวมถึงมีแมกนีเซียม ทองแดง โพแทสเซียมและใยอาหาร เมื่อรับประทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงให้ผิวพรรณชุ่มชื้น มีเส้นใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย ขจัดไขมันในผนัลำไส้ ช่วยให้ลำไส้สะอาดดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น
ส้มโอ grapefruit ในส้มโอมีสารเพคติน (Pectin) สูง มีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดและมีสารโมโนเทอร์ปืน ที่ช่วยในการจับสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้นหากรับประทานส้มโอหลังมื้ออาหารจะช่วยขับลมในกระเพาะและลำไส้ช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
มะขาม tamarind เนื้อมะขามมีสารแอนทราควินิน (Antraquinone) ซึ่งช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ อีกทั้งยังมีกรดอินทรีย์ (Organic Acid) อยู่หลายชนิด เช่น กรดทาร์ทาร์ริก (Tartaric Acid) และกรดซิตริค (Citric Acid) มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ เพิ่มกากใยอาหาร และช่วยให้ขับถ่ายสะดวก
มะยม star gooseberry เป็นผลไม้พื้นบ้านที่ให้รสเปรี้ยวอมฝาด อุดมไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ และวิตามินซีสูง มีฤทธิ์ช่วยสมานแผลและใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้อาการหลอดลมอักเสบ
การเลือกกินผลไม้ทุกชนิด นอกจากต้องกินผลไม้ที่สดสะอาดเพื่อให้ร่างกายได้รับคุณค่าสูงสุดแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไปก็คือ การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสม่ำเสมอเพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกลัวโรคภัยใด ๆ มากล้ำกรายแล้ว
การเลือกกินผลไม้ทุกชนิด นอกจากต้องกินผลไม้ที่สดสะอาดเพื่อให้ร่างกายได้รับคุณค่าสูงสุดแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไปก็คือ การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสม่ำเสมอเพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกลัวโรคภัยใด ๆ มากล้ำกรายแล้ว
12 สมุนไพรเพื่อผู้สูงอายุ
ยืดอายุยืนยาวด้วยของดีจากธรรมชาติ
ลดความดันโลหิตสูง
บัวบก
ใช้ต้นบัวบกสด มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังใช้บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้าได้ดี ใช้ต้นสด 30-40 กรัม ผสมกับน้ำ 1 แก้ว (ประมาณ 250 ซี.ซี.) คั้นและกรองเอาแต่น้ำดื่มติดต่อกัน 5-7 วัน
กระเทียม
นำกระเทียมสดขนาดกลาง 1-2 กลีบ (5 กรัม) มาสับหรือบด และตวงให้ได้ราว 1 ช้อนชา กินพร้อมอาหารวันละ 3 เวลา มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรกินตอนท้องว่าง เพราะจะระคายเคืองกระเพาะได้
ลดระดับน้ำตาลในเลือด
มะระขี้นก
ใช้ผลสด 8-10 ผล ผ่าและเอาเมล็ดออก สับละเอียดแล้วเติมน้ำลงไปเล็กน้อย กรองน้ำมาดื่ม กินทุกวันแบ่งกินวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ติดต่อกันอย่างน้อย 1 เดือนจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง หากพบว่าน้ำคั้นมีรสขมเกินไป ให้นำมาลวกน้ำร้อนและกินกับน้ำพริกแทน
ตำลึง
นำยอดตำลึงสดประมาณ 1 กำมือ ลวกพอสุก ใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริกหรือนำไปปรุงอาหารอื่น ๆ กินติดต่อกันเป็นเวลา 1-3 เดือน หรือจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง
ลดไขมันในเส้นเลือด
กระเจี๊ยบแดง
นำกลีบรองดอกสีม่วงไปตากแห้งและบดเป็นผง ใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา ชงกับน้ำเดือด 1 แก้ว (ราว 250 ซี.ซี.) ดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณแก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุบำรุงโลหิต ลดอุณหภูมิในร่างกายได้
เสาวรส
เลือกผลที่แก่จัด ล้างสะอาด และผ่าครึ่ง ตักเนื้อมาคั้นเอาแต่น้ำ ดื่มสด ๆ หรือปรุงรสโดยเติมเกลือ และน้ำตาลเล็กน้อย ดื่มเป็นน้ำผลไม้ และมีสรรพคุณอื่น ๆ เช่น บำรุงผิวพรรณได้เปล่งปลั่งสดใส มีสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
สยบเบาหวาน
เตยหอม
นำใบแก่จัดสัก 10 ใบ มาหั่นตากแดดแล้วชงดื่มแบบชาหรือใส่หม้อดินต้ม ดื่มต่างน้ำทุกวัน ควรดื่มอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล นอกจากช่วยบรรเทาโรคเบาหวานแล้ว ยังเป็นยาบำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ และแก้กระษัยได้อีกด้ว
กะเพรา
นำใบสดสัก ½ กำมือ หรือแบบตากแห้งมาบดเป็นผงราว 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว (ราว 250 ซีซี) ชงเป็นชาดื่มหลังมื้ออาหาร ผลวิจัยพบว่าใบกะเพราทำให้เซลล์ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ดีขึ้นเหมาะกับผู้ที่เป็นเบาหวานชั้นต้น
ต้านสมองเสื่อม
ขมิ้นชัน
นำเหง้าแก่สดยาวประมาณ 2 นิ้วมาขูดเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด เติมน้ำ คั้นเอาแต่น้ำ กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง หรือกินแบบแคปซูล วันละ 1,000 มิลลิกรัม มีการศึกษาพบว่า ในกลุ่มคนเอเชียที่กินขมิ้นชันเป็นประจำทุกวัน จะมีอัตราการเป็นอัลไซเมอร์น้อยกว่าคนในแถบยุโรปที่ไม่ได้กินขมิ้นชันเกือบ 5 เท่า นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณต้านมะเร็ง ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
พริกไทย
ใช้ผงป่นมาปรุงอาหารที่กินเป็นประจำ หรือกินเป็นแคปซูลวันละ 1,000 มิลลิกรัม พร้อมกับอาหารทุกมื้อ ไม่ควรกินขณะท้องว่าง เพราะอาจเกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร นักวิจัยพบว่า สารพิเพอรีนในพริกไทยมีสรรพคุณต้านสมองเสื่อม ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และต้านมะเร็งได้บำรุงธาตุ
มะพร้าว
ดื่มน้ำจากผลอ่อนวันละ 1 ผล ผ่าแล้วควรดื่มทันทีไม่ต้องเติมน้ำตาล นอกจากช่วยบำรุงธาตุแล้ว ยังแก้กระหาย แก้พิษ อาเจียนเป็นเลือด ท้องเสีย บวมน้ำ ขับปัสสาวะ และขับนิ่วก้อนเล็ก ๆ ได้อีกด้วย ที่สำคัญ ใช้ดื่มเพื่อบรรเทาอาการท้องเสียในกรณีที่ขาดแคลนน้ำเกลือแร่ได้เลย
มะตูม
นำผลโตเต็มที่มาฝานเป็นแว่น ๆ แล้วตากแห้ง คั่วให้เหลืองหอม นำไปชงน้ำดื่ม โดยใช้มะตูม 2-3 ชิ้น ต่อน้ำ 1 กา ชงในน้ำเดือด จิบตลอดวัน นอกจากมีสรรพคุณช่วยบำรุงธาตุแล้ว ยังช่วยขับลม แก้ท้องเดินหรือท้องเสียได้อีกด้วย
ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ต้องได้รับการดูแลและใส่ใจสุขภาพมากกว่าช่วงวัยอื่น ๆ ไม่ว่าทั้งทางด้านสุขภาพและทางอารมณ์ ดังนั้นบรรดาลูกหลานหรือคนใกล้ชิดไม่ควรละเลยหรือเบื่อหน่ายที่ต้องดูแลผู้สูงอายุ เพื่อที่ท่านจะได้มีความสุขและมีสุขภาพที่ดี อายุยืนยาวค่ะ
แ นะนำอาหารเพื่อสุขภาพ
4 สูตรน้ำสลัดไขมันต่ำ ทั้งน้ำใสและน้ำข้น หุ่นสวยมั่นใจได้
เมื่อพูดถึงอาหารลดน้ำหนักก็คงหนีไม่พ้นสลัดผัก เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ยอดนิยม แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่า น้ำสลัดที่ซื้อแบบสำเร็จรูปมากินจะมีไขมันต่ำจริง ๆ แต่เพื่อความสบายใจลองมาทำน้ำสลัดไว้หม่ำเองดีกว่า มีให้เลือกสรรถึง 4 สูตร ทั้งสูตรน้ำใสและน้ำข้น ไม่ใส่มายองเนส ไม่ใส่ไข่ กินแล้วไม่อ้วน
1. น้ำสลัดครีมวาซาบิ
น้ำสลัดครีมทั่ว ๆ ไปมีแค่รสเปรี้ยวกับหวาน ลองเพิ่มวาซาบิเข้าไปกระตุ้นต่อมเผ็ดหน่อยแล้วกัน จนกลายเป็นสูตรน้ำสลัดครีมวาซาบิ สีเขียวครีมอ่อน ๆ ทำง่าย ๆ แค่เอาส่วนผสมไปคนให้เข้ากัน เสร็จแล้วก็พร้อมเสิร์ฟกับสลัดผักกรอบ ๆ หรือถ้าหากยังไม่กินก็นำไปแช่เย็นเก็บไว้ได้นานเกือบเดือนค่ะ
ส่วนผสม น้ำสลัดครีมวาซาบิ
น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล 100 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 100 กรัม
เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 250 มิลลิลิตร
นมข้นหวาน 60 มิลลิลิตร
วาซาบิสด 1/8 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ น้ำสลัดครีมไขมันต่ำ
1. ใส่น้ำมะนาว มัสตาร์ด น้ำตาลทรายแดง เกลือสมุทร และพริกไทยดำ คนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย
2. เติมน้ำมันดอกทานตะวันลงไปพร้อม ๆ กับตีส่วนผสมให้เข้ากัน
3. ใส่นมข้นหวานและนมสดลงไปคนให้เข้ากัน
4. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดมิดชิด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 20 วัน
2. น้ำสลัดครีมไขมันต่ำ
เอาใจสาว ๆ ที่ชอบรสเปรี้ยวด้วยน้ำสลัดครีมไขมันต่ำ หน้าตาน้ำสลัดมีสีเหลืองนวลจากมัสตาร์ด เพิ่มความเปรี้ยวจากน้ำมะนาว ความเผ็ดเล็กน้อยจากพริกไทยดำ เสิร์ฟพร้อมสลัดผักจานโตอร่อยง่าย ๆ ในมื้อเย็น อาจใส่เนื้อไก่ฉีกหรือธัญพืชต่าง ๆ ลงไปจะได้อิ่มมากขึ้นด้วยนะคะ
ส่วนผสม น้ำสลัดครีมไขมันต่ำ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ + 2 ช้อนชา
มัสตาร์ดชนิดครีม 1 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือสมุทร 1 1/2 ช้อนชา
พริกไทยดำป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำมันดอกทานตะวัน 1/4 ถ้วย
นมข้นหวาน 6 ช้อนโต๊ะ
นมสดชนิดจืด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ น้ำสลัดครีมไขมันต่ำ
1. ใส่น้ำมะนาว มัสตาร์ด น้ำตาลทรายแดง เกลือสมุทร และพริกไทยดำ คนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย
2. เติมน้ำมันดอกทานตะวันลงไปพร้อม ๆ กับตีส่วนผสมให้เข้ากัน
3. ใส่นมข้นหวานและนมสดลงไปคนให้เข้ากัน
4. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดมิดชิด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 20 วัน
2. เติมน้ำมันดอกทานตะวันลงไปพร้อม ๆ กับตีส่วนผสมให้เข้ากัน
3. ใส่นมข้นหวานและนมสดลงไปคนให้เข้ากัน
4. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดมิดชิด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 20 วัน
3. น้ำสลัดโยเกิร์ต
น้ำสลัดโยเกิร์ต สูตรน้ำสลัดไอเดียเก๋ใส่โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ผสมกับน้ำแอปเปิล น้ำมะนาว และกลิ่นวานิลลา เพิ่มน้ำเชื่อม และเกลือลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ที่สำคัญใส่ลูกเกดสีเหลืองลงไปให้เคี้ยวเล่นหนุบหนับด้วย แค่เห็นภาพน้ำสลัดก็น่าเข้าครัวลองทำแล้วค่ะ
ส่วนผสม
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/2 ถ้วย
น้ำแอปเปิล 100% 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
น้ำเชื่อม 2 ช้อนชา
เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
ผงอบเชย 1/2 ช้อนชา
ลูกเกดสีเหลือง 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ผสมโยเกิร์ต น้ำแอปเปิล น้ำมะนาว กลิ่นวานิลลา น้ำเชื่อม เกลือ และผงอบเชยคนให้เข้ากัน
2. ใส่ลูกเกดเหลืองลงไปคนให้เข้ากัน
3. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดมิดชิด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 20 วัน
4. น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นงาน้ำใส
น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นงาน้ำใส น้ำสลัดสไตล์ญี่ปุ่น มีรสเผ็ดจากวาซาบิ และความหอมของซอสโชยุญี่ปุ่น ที่ขาดไม่ได้เลยคือ พระเอกอย่างงาคั่ว กินกับผักสลัดต่าง ๆ ตามชอบเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นผักกาดแก้ว ผักกาดหอม มะเขือเทศราชินี รวมถึงผลไม้อย่างแอปเปิล ฝรั่ง ใส่โปรตีนจากเนื้อสัตว์อย่างปลาทูน่า หรือกุ้งต้มก็เข้ากันดีค่ะ
ส่วนผสม น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นงาน้ำใส
น้ำเปล่า 230 มิลลิลิตร
น้ำเปล่า 230 มิลลิลิตร
น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล 150 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 150 กรัม
เกลือ 1/4 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่วตามชอบ
วาซาบิ 1/4 ช้อนโต๊ะ
ซอสโชยุญี่ปุ่น 125 มิลลิลิตร
น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นงาน้ำใส
1. เทน้ำเปล่า ตามด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล น้ำตาลทราย และเกลือ ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวให้เข้ากันจนเดือด
2. ยกออกจากเตา เทใส่อ่างผสมแล้วพักไว้จนเย็น
3. เทใส่ภาชนะ ใส่งาขาว ตามด้วยวาซาบิลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นเติมซอสโชยุ น้ำมันมะกอก และน้ำมันงา คนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
4. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดมิดชิด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 20 วัน
สาว ๆ ที่อยากได้สูตรน้ำสลัดคงถูกใจกับ 4 สูตรที่นำเสนอไปนะคะ เลือกได้ตามชอบ กินกับผักสลัดชนิดไหนก็อร่อย ถ้าทำแล้วทานไม่หมดเทใส่กระปุกแช่เย็นเก็บไว้ทานได้นานเลยค่ะ